การประเมินผลและการนิเทศ
Carr, Judy
F and Harris, Douglas E. (2001 : 153) กล่าวสรุปไว้ว่า การพัฒนาวิชาชีพ การนิเทศ และเมินผล
มีจุดหมายเพื่อให้ผู้เรียนมีพัฒนาการเรียนรู้ตามมาตรฐาน และได้นําเสนอหลักการ
เป็นการพัฒนาด้านวิชาชีพที่อิงมาตรฐาน 7 ประการ
ดังนี้
หลักการที่ 1 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพเกิดจากภาพลักษณ์ที่ดีด้านการเรียนรู้พัฒนาวิชาชีพตามระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน
มีคำถามที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะบรรลุมาตรฐาน ดังต่อไปนี้
ใครจะรับผิดชอบมาตรฐานใด
แนวทางการเรียนการสอนจะเป็นอย่างไร
ในชั้นเรียนผู้สอนและผู้เรียนจะมีบทบาทอย่างไร
ระดับผลการเรียนรู้ที่คาดหวังควรตั้งไว้เท่าใด
ใช้เกณฑ์ใดในการกำหนดผลสัมฤทธิ์ของ มาตรฐาน และจะประเมินมาตรฐานอย่างไร
ใช้ข้อมูลใดบ่งบอกว่าบรรลุมาตรฐาน
และอะไรบ้างที่นำไปใช้ในการเรียนการสอน
หลักการที่ 2 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพให้โอกาสผู้สอนได้สร้างองค์ความรู้
และทักษะของตนเอง เป้าหมายของการวางแผนการสอน
มีขอบข่ายเนื้อหาที่จะปรับปรุงผลการเรียนรู้ของ เรียนอย่างชัดเจน
โดยเชื่อมโยงลำดับความสำคัญของการพัฒนาวิชาชีพกับแผนการสอน กรณีตัวอย่าง
สถานศึกษากำหนดแผนการพัฒนาประกอบด้วยประเด็นหลัก 3 ประเด็น คือ การวิเคราะห์ผลงานของผู้เรียน การจัดทำแฟ้มสะสมงาน
และการพัฒนาวิธีการวัดผลหลังจบหลักสูตร ในแต่ละประเด็นเน้นการพัฒนา
ความสามารถของผู้สอนในด้านการสอนและประเมินการแก้ปัญหา โดยเปิดโอกาสให้จัดทำแผนพัฒนา
วิชาชีพระยะยาว
หลักการที่ 3 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพใช้หรือเป็นตัวแบบกลยุทธ์การสอน
ที่ผู้สอนจะใช้กับผู้เรียน การสร้างตัวแบบเริ่มโดยเน้นที่มาตรฐาน
โดยคาดหวังว่าผู้สอนจะต้องสอนให้เป็นไป ตามมาตรฐาน การกำหนดโครงการพัฒนาวิชาชีพจึงต้องยึดมาตรฐาน
ตัวอย่างเช่น การใช้ผลการเรียนรู้ของ ผู้เรียนเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาครู
ครูต้องร่วมกันวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ของนักเรียน ทบทวนสิ่งที่
นําไปปฏิบัติที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน
รวมทั้งศึกษาวิจัยเนื้อหาสาระและวิธีการสอนตาม ความต้องการของนักเรียน สิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้สะท้อนให้เห็นการปฏิบัติการสอนที่ดีที่สุดในชั้นเรียนที่ยึด
มาตรฐานเป็นเกณฑ์
หลักการที่ 4 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
หลักการ สําคัญของระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐานสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ได้ดังนี้
มาตรฐานเน้นการเรียนรู้สําหรับผู้เรียนทุกคนและทุกวัย
ผู้เรียนทุกคนสรรค์สร้างการเรียนรู้ใหม่
ๆ ได้
ผู้เรียนเรียนรู้จากผู้อื่นและเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นได้โดยการค้นคว้าและการฝึกคิดทบทวน
การประเมินผล
ก่อให้เกิดการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้
หลักการที่ 5 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพส่งเสริมครูให้มีบทบาทเป็นผู้นำ
กล่าวคือ ครูต้องมีภาวะความเป็นผู้นำในระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน
บทบาทผู้นำอย่างเป็นทางการของครู คือบทบาทเป็นผู้ให้คําปรึกษา
ครูควรเป็นผู้ตัดสินใจในการคัดเลือกทีมงานวางแผนการสอน คัดเลือกเนื้อหา
โดยเน้นผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูควรเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐาน
กำหนดกลยุทธการสอนและการ ประเมินผลและวิเคราะห์ผลงานของนักเรียน
หลักการที่ 6 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพสร้างความเชื่อมโยงกับหน่วย
การศึกษาอื่น การเชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน คือ วิธีการดำเนินงานที่เป็นระบบ
ฉะนั้นองค์ประกอบและการ ตัดสินใจล้วนส่งผลต่อส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
หลักการที่ 7 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพต้องประเมินและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน ความมีประสิทธิผลวัดได้จากพัฒนาการของนักเรียน
ความมีประสิทธิผล รวมถึงความเป็นเลิศทางวิชาการของนักเรียนทุกคน
และความเสมอภาค(ลดช่องว่างผลสัมฤทธิ์ที่แตกต่างกัน ระหว่างผู้เรียน)
หรือทั้งสองอย่าง กระบวนการวางแผนการสอนจะต้องพิจารณาความก้าวหน้าของนักเรียน
อย่างต่อเนื่องและปรับปรุงโดยใช้ผลการเรียนรู้ของนักเรียน
เพิ่มเติม
การพัฒนาวิชาชีพ
ครู คือ ผู้กำหนดคุณภาพประชากรในสังคม และคุณภาพประชากรในสังคม
คือ ตัวพยากรณ์ความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง การศึกษา วัฒนธรรม
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม วิชาชีพครูจึงควรเป็นที่รวมของคนเก่ง คนดี สามารถเป็นต้นแบบทางคุณธรรม
จริยธรรม การประพฤติปฏิบัติตน การดำรงชีวิต และการชี้นำสังคมไปในทางที่เหมาะสม
จากสภาพความเป็นจริงที่ปรากฏในปัจจุบัน วิชาชีพครูกลับเป็นวิชาชีพที่คนทั่วไปดูหมิ่นดูแคลน
เป็นวิชาชีพที่รายได้ต่ำ ผู้ประกอบวิชาชีพครูยากจน ผู้ปกครองที่มีการศึกษาสูงและมีฐานะดี
ไม่ประสงค์จะให้บุตรหลานของตนศึกษาเพื่อออกไปประกอบวิชาชีพครู เยาวชนที่สำเร็จการศึกษาชั้น
ม.๖ ก็ไม่ประสงค์ที่จะสมัครเรียนในสาขาวิชาชีพครู ผู้สมัครเรียนในสาขาครูจึงมักเป็นผู้ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
เมื่อไม่สามารถสอบเข้าเรียนในสาขาวิชาชีพอื่นได้แล้วจึงจะสมัครเรียนเพื่อออกไปเป็นครู
ปัญหาเกี่ยวกับวิชาชีพครูอาจสรุปได้เป็น ๓ กลุ่มใหญ่
ดังนี้
ปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการผลิต
เช่น ปัญหาอันเนื่องมาจากตัวป้อนเข้าของกระบวนการ ผลิตครู กระบวนการเรียนการสอนนักศึกษาครู
การกำหนดคุณลักษณะของบัณฑิตครู และการควบคุมให้บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามีคุณลักษณะตามที่กำหนด
เป็นต้น
ปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการใช้ครู
เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนด้าน งบประมาณ การบำรุงขวัญกำลังใจครูดี การติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน
การมีส่วนร่วมของชุมชนในการใช้ครู เป็นต้น
ปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการเพื่อให้การผลิตและการใช้ครูเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล
เช่น ปัญหาความด้อยประสิทธิภาพของผู้บริหาร การขาดระบบการตรวจสอบและประเมินผู้บริหารการไม่มีส่วนร่วมในการบริหารงานของท้องถิ่น
การขาดแคลนทรัพยากรเพื่อการบริหาร รวมทั้งการขาดสถาบันพัฒนาผู้บริหารระดับมืออาชีพ
เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น